เดี๋ยวนี้ถึงแม้ผมจะไม่ต้องพบภาวการณ์

ความลับเป็นการ “หยุด”

นอกนั้นในเวลาเครียด หลายท่านบางทีอาจมีความรู้สึกว่าหาหนังเบาๆตลกๆดูทำให้หายเครียดได้ ซึ่งถ้าเป็นความเครียดแบบปกติ ที่คงจะเรียกว่า เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่งกว่าเครียด มันจะเป็นการบรรเทาได้ตามที่ปรารถนา แต่ทว่า ถ้าหากเครียดแบบในที่นี้ที่เครียดที่สุด แบบอยากได้ทางออกหรือคิดไม่ออกนั้น ควรจะหาหนังที่มีเรื่องมีราวราว จะดราม่า เสี่ยงอันตราย สยองขวัญ ตื่นเต้น บู๊ ก็ได้หมด หนังเบาๆขำขันๆก็ไม่เป็นปัญหาถ้าหากไม่ใช่แค่ตลกขบขันไม่มีประโยชน์ ข้อความสำคัญเป็น “ควรจะมีเรื่องเชิญชวนติดตาม” เนื่องจากนี่มันจะก่อให้เราไปพึงพอใจ “เรื่องอื่น” ครู่หนึ่งได้อย่างแท้จริง โน่นเป็นข้อดีหลักของหนัง แม้กระนั้นสิ่งสำคัญอีกประการที่ต้องประกอบกันอย่างมากเป็น จำเป็นต้องหยุดแล้วก็สนใจไปที่หนังให้ได้ หรือถ้าหากใช้วิธีอื่นโดยไม่ใช่การดูหนังก็จำต้องพึ่งสิ่งนี้เช่นเดียวกันเป็นหยุดไปสนใจสิ่งที่ทำขณะนั้นแทนก่อน

อาจมีผู้ที่มีความรู้สึกว่า “ยิ่งดู ยิ่งเครียด.. หนังอะไรไม่รู้เรื่องมองไม่รู้เรื่อง.. ถ้าเกิดเจอหนังแย่ๆจะทำเช่นไร..” สิ่งกลุ่มนี้ต้นสายปลายเหตุโดยความเป็นจริงมันจะมาจากการที่เรา หยุดมิได้ ต่างหาก จิตใจยังคงไม่ผ่อนพักจากสิ่งที่เครียด ซึ่งก็ตามที่กล่าวไปแล้วว่าไม่จำเป็นที่จะต้องดูหนังก็ได้ เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งถ้าเป็นผู้ที่คิดหาทางเองได้ คลายเงื่อนออกได้เองเสมอ จะเข้าใจได้ในทันทีว่า ทุกอย่างอย่างล้วนจำต้อง “ผ่าน” มันไป แต่ว่าในช่วงการ “ผ่าน” นี้เองมันอาจยากเย็นแสนเข็ญ โดยในด้าน “ความประพฤติ” เพื่อหาทางออกในภาวะเครียดนั้นบางทีอาจยาก โน่นก็ส่วนหนึ่ง

ยังไงก็ต้อง “ผ่าน” ทาง “ความนึกคิด” ให้ได้ก่อน แล้ว พฤติกรรม ขั้นตอนการไขปัญหา หรืออะไรก็ตาม ก็เลยจะตามมา บทความดีๆเนื้อหานี้ตั้งมั่นจะให้ ช่วยผ่านทางความนึกคิดนี้เอง เพราะเมื่อใดก็ตามเราเครียด เราอ่อนแรง เราไม่เห็นทาง ก็จำต้องมองดูทางอื่นเอาบ้างก่อน การมองทางอื่นนั้น ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับการพยายามมองหาทางออกเสมอไป แม้กระนั้นเหมือนการพักสายตาอย่างหนึ่งตามที่บอกไป และบางเวลามันก็แค่อยากได้เวลาเลวทรามอึดใจสำหรับเพื่อการผ่านสภาวะทางความคิดจิตใจนั้น

ราว 2 ชั่วโมง ที่หยุดไปดูหนัง มันก็บางทีอาจพาเราผ่านไปได้อย่างประหลาด จนกระทั่งบางเวลาจะมีความคิดว่า เราเครียดทำไมกัน? ราวกับหลายๆเรื่องในชีวิตที่พอผ่านมาได้ พวกเราหันไปมองก็ขบขันกับมันได้ นี่ล่ะ เมื่อเครียดที่สุด ลองหยุดไปดูหนัง บางโอกาสหนังบันเทิงใจ หนังx หนังให้สาระ หนังได้คำตอบ หนังพาผ่านเวลาไป เมื่อนั้นมันไปต่อได้เอง ก็จะต้องลองกันมอง

ปัจจุบันนี้แม้ผมจะไม่ต้องพบภาวะ เครียดที่สุด ก็ยังถูกใจดูหนังอยู่ ด้วยเหตุว่ามันดีมากยิ่งกว่าการดูอย่างอื่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข่าว.. Social.. หรือเรื่องผู้อื่น ยิ่งดูมากเกินไป ยิ่งเป็นสิ่งก่อความเคร่งเครียดได้โดยไม่จำเป็น คิดเสมือนผมไหมครับผม เขียนจบแล้วไปหาหนังดูกันเลยดีกว่า..

หยุดไปดูหนัง? แต่ทำไมจะต้องดูหนัง เมื่อเครียดที่สุดช่วยได้จริงหรือ?

หยุดไปดูหนัง?

แม้กระนั้นทำไมจะต้องดูหนัง เมื่อเครียดที่สุดช่วยได้ใช่หรือ? ต้องดูหนังเพียงแค่นั้นใช่ไหม? ดูหนังแนวไหน? หรืออื่นๆที่อาจเริ่มสงสัยขึ้นมา สรุปว่าเล่าที่ไปที่มาก่อน

ก่อนที่ผมจะเรียนหรือสนใจในเรื่องจิตวิเคราะห์ ทัศนคติ มุ่งมั่น ผมก็เป็นเพียงแค่คนหนึ่งที่ช่างสังเกต และเป็นผู้ที่มีความเครียด (หนักๆ) อยู่เช่นกัน แม้ว่าจะน้อยครั้ง แต่ว่านิสัยที่ไม่ค่อยปรึกษาคนไหนกันแน่ ถูกใจแอบคิดหาทางออกผู้เดียวเสมอๆจนครั้งคราวมันใช้เวลาหลายวัน จัดว่าทำให้สุขภาพทางจิตห่วยแตกไปช่วงหนึ่งได้ กระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินจ่ายตลาดเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้างฯ แม้กระนั้นในหัวก็กำลังครุ่นคิดไตร่ตรอง เครียดกับปัญหาที่ยังคิดไม่ตก ก็ได้ผ่านหน้าโรงหนังแห่งหนึ่ง กำเนิดอะไรดลใจบางสิ่งให้ซื้อตั๋วหนังเข้าไปดูคนเดียวด้วยอารมณ์ไม่แน่ชัดๆกับตัวเอง

หนังประเด็นนั้นมิได้ให้คำตอบอะไรกับสิ่งที่กำลังคิด หรือเครียดอยู่(จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร) แต่ว่ามันกลายเป็นว่าเพียงพอหนังจบ หนังx ทุกสิ่งทุกอย่างดูแคลนลง เท่าที่นึกออกในเวลานั้นราวกับจะปล่อยวางอะไรบางอย่างลงไป รู้สึกศึกษาค้นพบทางออกโดยบังเอิญ จากวันนั้นเมื่อใดรู้สึกเครียด จึงใช้แนวทางนี้เรื่อยมา หรือคิดอะไรไม่ออก ก็หยุดหาหนังดู แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผมบางทีอาจแตกต่างกันคือ เวลาดูหนัง จำนวนมากจะเป็นคนค่อนข้างจะตั้งอกตั้งใจดู และก็ชอบหยุดสนใจเรื่องอื่นๆไปเลย แล้วพึงพอใจ (Focus) แต่ว่าหนังที่ดูนั้น

เมื่อเครียดที่สุด เพราะอะไรจำเป็นต้องดูหนัง?

หากมองแบบรู้เรื่องในตอนนี้ มันก็ไม่มีความแตกต่างกับการคิดแบบง่ายๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคอะไรเลยคือ การที่เราได้หยุดจากใดๆ มันก็ราวกับการได้พัก เมื่อได้พักมันก็จะเกิดแรงที่ดีมากยิ่งกว่าเดิม ไม่เว้นแม้กระทั้งสมอง ความนึกคิด จิตใจ ดังนี้จะบอกว่าไม่จำเป็นที่ต้องเป็นการดูหนังก็ได้ เพียงแค่การดูหนังมันมีเนื้อหาข้อดีอยู่ (เว้นเสียแต่ ว่าเป็นคนเกลียดดูหนัง) ตัวอย่างเช่น ถ้าเทียบกับการฟังเพลง การฟังเพลงนั้นใช้เพียงประสาทหู ยิ่งเพลงที่ฟังซ้ำๆเราอาจคุ้นชินจนถึงมิได้ฟังมันจริงๆโน่นย่อมได้โอกาสให้ความคิดวนกลับไปเรื่องเดิมๆหรือเพลงบางเพลง มีเนื้อหามิได้ช่วยทำให้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างคนกำลังเครียดเพราะอกหัก ยิ่งฟังเพลงอกหัก ก็ยิ่งตอกตัวเองให้จมไปในที่เดิมเป็นต้น แต่กับหนังหรือภาพยนตร์เราใช้อีกทั้งตาดู หูฟัง ร่างกายได้พัก สิ่งแวดล้อมย่อมจำเป็นต้องอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไม่มีอะไรก่อกวน รวมทั้งยิ่งเป็นหนังที่คิดติดตามไปกับเรื่องทำให้พวกเราลืมเรื่องอื่นๆไปได้ชั่วคราวอย่างดีเยี่ยม…